เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ทำให้การเลือกซื้อสมาร์ทโฟนมือสองเป็นทางเลือกที่ช่วยประหยัดเงินไปได้มากพอสมควร และสมาร์ทโฟนมือสองที่มีการซื้อขายกันมากที่สุดก็คือ iPhone มือสอง นั่นเอง ไม่ว่าจะรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ก็ยังเป็นแบรนด์ที่มีคนสนใจมากที่สุด แต่การเลือกซื้อ iPhone มือสองก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีพ่อค้า - แม่ค้า บางรายที่จ้องจะเอาเปรียบเราด้วยการเอาของย้อมแมว หรือเอาเครื่องที่มีปัญหามาขาย เราจึงต้องมีเทคนิคในการตรวจเช็กตัวเครื่องก่อนซื้อเพื่อป้องกันตัวเองกันหน่อย
- เช็กประกันเครื่อง
ก่อนอื่นเราต้องตรวจสอบสถานะการรับประกันของตัวเครื่องว่ายังเหลืออยู่หรือไม่ โดยสามารถนำเลข serial number ไปเช็กบนเว็บไซต์ Apple ได้โดยตรง หากตัวเครื่องยังมีประกันเหลือ จะแสดงเครื่องหมายสีเขียว และข้อความ [ความคุ้มครองการบริการและการซ่อม: ยังคงใช้ได้] พร้อมทั้งระบุวันที่หมดประกันเอาไว้ด้วย แต่ถ้าเป็นเครื่องหมายสีเหลืองแบบนี้ แปลว่าเครื่องนี้หมดประกันแล้ว ไม่สามารถนำไปเคลมกับทางศูนย์ได้นั่นเอง
- เช็กว่าไอโฟนมือสองเคยโดนน้ำหรือไม่
ถึงแม้ iPhone จะการันตีว่าสามารถกันน้ำได้ในระดับ IP67 หรือ IP68 แต่เราก็ไม่ควรใช้งานแบบลุยน้ำลุยฝน เพราะจริงๆ แล้ว iPhone ไม่สามารถกันน้ำได้ 100% ที่สำคัญคือ iPhone ที่น้ำเข้าจะหมดประกันทันที ไม่สามารถเคลมกับทางศูนย์ได้ แม้ว่าเช็กบนเว็บไซต์แล้วจะยังมีประกันเหลืออยู่ก็ตาม แม้กระทั่ง AppleCare+ ก็ไม่คุ้มครองกรณีน้ำเข้าเช่นกัน
หากเรากำลังจะซื้อ iPhone มือสอง การเช็กว่าเครื่องเคยโดนน้ำเข้าหรือไม่จึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งเราสามารถตรวจสอบได้ง่ายๆ ด้วยการดูที่แถบวัดความชื้นในถาดใส่ซิมการ์ดของตัวเครื่อง หากเคยโดนน้ำเข้ามาก่อนแถบวัดจะเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีแดง
- เช็กสภาพตัวเครื่อง
หลังจากตรวจสอบประกัน และความชื้นแล้วของไอโฟนมือสองแล้ว ก็มาตรวจสภาพตัวเครื่องกันต่อ แน่นอนว่า ไอโฟนมือสองที่เคยผ่านมือใครต่อใครมาแล้วนั้น ยากที่จะมีสภาพใหม่ไร้ตำหนิ แต่ตำหนิที่มีก็ควรจะอยู่ในสภาพที่รับได้ ในเบื้องต้นแนะนำให้เช็กตัวเครื่องดังนี้
- หน้าจอต้องไม่แตก ไม่ร้าว และต้องไม่มีรอยขีดข่วนที่เป็นแผลลึก
- พอร์ต Lightning ต้องสามารถชาร์จแบตเตอรี่ และเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ได้ตามปกติ
- ปุ่มทุกปุ่มบนตัวเครื่องทำงานเป็นปกติ ไม่หน่วง ไม่ค้าง และไม่จม
- Face ID ต้องใช้งานได้
- หากเป็นรุ่นที่มีปุ่มโฮม ระบบสแกนลายนิ้วมือ Touch ID ต้องใช้งานได้
- ดูว่ากล้องหลังมีฝุ่นเข้าไปข้างในเลนส์หรือไม่ หากมีให้หาเครื่องใหม่ได้เลย เพราะทางศูนย์ไม่สามารถแก้ไขได้ ต้องเปลี่ยนเครื่องเท่านั้น
- ตรวจหา Dead Pixel
Dead Pixel คือเม็ดสีบนหน้าจอที่ไม่ทำงาน ทำให้เกิดเป็นจุดสีดำหรือสีอื่นๆ บนหน้าจอ หรือถ้าหนักหน่อยอาจจะมองเห็นเป็นเส้นเลย ซึ่งจะรบกวนสายตาเราขณะใช้งานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าเจอแบบนี้แนะนำว่ามองหาเครื่องอื่นดีกว่าเพราะวิธีแก้ไขค่อนข้างยุ่งยาก ไม่คุ้มกับเงินและเวลาที่เสียไปแน่นอน สำหรับการตรวจหา Dead Pixel จะต้องทำบนหน้าจอที่มีสีเดียวกัน
- ทดสอบการเชื่อมต่อ 4G, Wi-Fi, การโทร ฯลฯ
อีกจุดหนึ่งที่สำคัญคือ การเชื่อมต่อ 4G, Wi-Fi และการโทรเข้า-โทรออก เพราะถ้าฟังก์ชันเหล่านี้มีปัญหา iPhone ก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับที่ทับกระดาษ จึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า ไอโฟนมือสองที่เรากำลังจะซื้อ สามารถใช้เน็ต 4G และ Wi-Fi ได้ตามปกติ และสามารถโทรเข้า-โทรออกโดยได้ยินเสียงคู่สนทนาชัดเจนหรือไม่
- เช็กสภาพแบตเตอรี่
ตรวจสอบว่า แบตเตอรี่เสื่อมหรือไม่ สามารถดูได้จาก Settings > Battery > Battery Health หากเป็น 100% หมายความว่าเป็นแบตเตอรี่ที่ยังมีสภาพสมบูรณ์เหมือนใหม่ หรือหากไม่เป็น 100% ก็ไม่ควรต่ำกว่า 90% หากต่ำกว่านี้มองหาเครื่องใหม่ดีกว่า
- กล้องหน้า-หลัง พร้อมแฟลชและ Live Photos
ลองใช้กล้องถ่ายรูป แฟลช และลองแตะเพื่อปรับโฟกัสภาพ (tap to focus) โดยให้ลองแตะบริเวณที่สว่างที่สุด หรือที่มืดที่สุด จากภาพในกล้อง ซึ่งปกติแล้วกล้องจะต้องปรับความสว่าง และโฟกัสภาพไปที่บริเวณที่แตะ รูปที่ถ่ายสีต้องไม่เพี้ยน ลองซูมเข้า – ออก พร้อมทั้งทดสอบแฟลชกล้องหลังโดยการเปิดแฟลชถ่ายหรือเปิดไฟฉาย ต้องทดสอบแฟลชกล้องหน้าสำหรับ iPhone 6s, 6s Plus, SE, 7, 7 Plus เนื่องจากทั้ง 3 รุ่นนี้รองรับ Retina Flash พร้อมทั้งทดสอบการถ่าย Live Photos บน iPhone 6s, 6s Plus, SE, 7, 7 Plus โดยการเปิดใช้ที่ตรงกลางด้านบน ให้ลองถ่ายและลองเปิดดูภาพที่ถ่ายว่าได้ภาพที่ชัดเจนหรือไม่
เกี่ยวกับ เว็บไซต์ Ezymar (อีซี่มาร์)